“English for HR Workshop” อัพสกิล รีสกิล ภาษาอังกฤษสำหรับนักทรัพยากรบุคคล
ห้ามพลาด! ลงทะเบียนเลยวันนี้! “English for HR Workshop” Help your colleagues with English อัพสกิล รีสกิล ภาษาอังกฤษสำหรับนักทรัพยากรบุคคล คุณพร้อมจะพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณในสายงาน HR หรือยัง? การสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้สำหรับ HR ยุคใหม่ หลักสูตรนี้ ช่วยให้คุณสามารถ สื่อสารภาษาอังกฤษได้มั่นใจ อย่างมืออาชีพ ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าอบรม: เข้าใจรูปแบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษในงาน HR อย่างมืออาชีพ เลือกใช้คำศัพท์ วลี ประโยคมาใช้ในสื่อสารได้อย่างเหมาะสม มีความมั่นใจในการสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ยิ่งขึ้น ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะการสนทนาในหัวข้อ: 4 Learning styles การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ 4 รูปแบบ 8 Habit to fluent in English 8 นิสัยคนพูดอังกฤษคล่อง Welcoming new stafff การแนะนำบุคลากรใหม่ Company […]
10 good rapport building questions
“10 คำถามชวนคุยที่จะทำให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานได้” ในบทความสุดท้ายนี้เป็นบทความที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ที่เราไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไม่รู้ว่าจะทักทายอะไร นอกเหนือจากคำว่า Hi, Hay, Good Morning, How are you. เป็นต้น ขอนำเสนอ 10 คำถามให้กับเหล่า HR ทุกท่านนำไปใช้ในการทำงานได้ง่าย ๆ เช่น How do you feel today? What tasks energize you? Can I help you with anything? How do you recharge after work? Do you have any exciting plans this weekend? What can I do to […]
5 tips to build rapport
“5 Tips ของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการสร้างความประทับใจกับเพื่อนร่วมงานมีอะไรกันบ้าง” ขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่าน ติดตามในบทความดี ๆ นี้ได้เลยนะคะ 1 Speaking with a smile การเริ่มพูดด้วยรอยยิ้มและการสบตาที่จริงใจ โดยให้กลับมาที่ภาษากาย Body language ยิ้มด้วยมุมปากเล็กน้อย พร้อมที่จะช่วยให้เราสื่อสารกับคนอื่นอย่างเป็นมิตรได้ง่าย 2 Be friendly การสร้างมิตรภาพที่ดีด้วยการทักทาย เช่น Hi, Hay, Good Morning, How are you, How are you today, How was your weekend? หรือเราสามารถที่จะเตรียมประโยคที่จะสื่อสารไว้ได้ อย่างเช่น การมาทำงานในวันจันทร์อาจจะกล่าวทักทายเพื่อนว่า Hi Good Morning How was your weekend? วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาไปทำอะไรมาบ้าง หรือกลางสัปดาห์อาจจะกล่าวทักทายเพื่อนว่า Are you […]
Tone of voice
จากบทความการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคืออะไร ของ Dr. Albert Mehrabian (1967) พบว่าการสื่อสารด้วยน้ำเสียง (Tone of voice) เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่มาจากน้ำเสียง การใช้เสียง ไม่ว่าจะเป็นการทอดเสียงเร็วช้า การพูดเร็วสั้น กระชับ การทำเสียงสูงต่ำ การยืดระยะเสียง เป็นสไตล์ที่เราสามารถที่จะเรียนรู้และฝึกได้จากการที่ฟังคนพูดภาษาอังกฤษเยอะ ๆ อยากที่จะลองเชิญชวนนัก HR ได้ลองฝึก Tone of voice ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่จะต้องได้ใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อสื่อสารกับเพื่อร่วมงานที่เป็นชาวต่างชาติ ยกตัวอย่างเช่น
Body language
“สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคืออะไร” จากงานวิจัยของ Dr. Albert Mehrabian (1967) ที่ได้ทำการศึกษาเรื่องของการสื่อสารของมนุษย์ โดยเฉพาะการสื่อสารที่เป็นแบบ face to face comunication ซึ่งได้มีการแบ่งหมวดหมู่ของการสื่อสารไว้ 3หมวดหลัก ๆ ที่เรียกว่า Mehrabian Model ที่ให้ค่าน้ำหนักแตกต่างกันในแต่ละส่วน ส่วนที่หนึ่ง การสื่อสารด้วยภาษากาย (Body language) คิดเป็น 55% ส่วนที่สอง การสื่อสารด้วยน้ำเสียง (Tone of voice) คิดเป็น 38% ส่วนที่สาม การสื่อสารด้วยคำพูด (Words) คิดเป็น 7% โดยจะเห็นได้ว่าการสื่อสารที่สำคัญที่สุด คือ การสื่อสารภาษากาย หรือ (Body language) ถึงแม้ว่าเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้คำศัพท์ เรียงประโยคไม่ถูกก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ส่วนการสื่อสารที่รองลงมาคือน้ำเสียง หรือ (Tone of […]
Language learning habits
ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการสร้างการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จาก 8 ลักษณะนิสัยของคนที่พูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่วที่เราสามารถหยิบยกลักษณะนิสัยมา 1-2 อย่างได้ เพื่อให้ตนเองได้ลองฝึกว่าตนเองอยากที่จะฝึกในลักษณะนิสัยใดได้บ้าง แต่มีสิ่งที่สำคัญและน่าสนใจสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษ คือ การที่เราฝึกทักษะอะไรก็ตามใหม่ ๆ เพียง 1% ทุก ๆ วันผ่านไป 365 วันหรือหนึ่งปี ตัวเราเองจะเก่งขึ้นได้ถึง 38% จะเห็นได้ว่าการฝึกภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องการแก้โจทย์สมการเหมือนวิชาคณิตศาสตร์ แต่คือเรื่องของการฝึกประสบการณ์และการมีคำคลังศัพท์ ประสบการณ์เสียงจากการฟังที่ให้ตนเองฝึกทีละเล็กทีละน้อย ๆ แต่ควรที่จะต้องฝึกบ่อย ๆ เมื่อเรารู้แล้วว่าฝึกวันละเพียง 1% หรือแม้แต่พูดภาษาอังกฤษแค่วันละหนึ่งประโยคผ่านไปหนึ่งปีจะทำให้เราจะเก่งขึ้นถึง 37 เท่า การวางแผนการเรียนภาษาอังกฤษที่ดี คือ เราต้องกำหนดเวลาเรียนให้ชัดเจนที่เราจะสามารถทำได้ทุกวันอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้นก็ได้ หรือให้เราผูกการฝึกภาษาอังกฤษกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเรา ยกตัวอย่างเช่น โดยจุดเริ่มต้นในการฝึกษาภาษาอังกฤษเราควรที่จะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเราเรียกว่าเป็นการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้นและสำหรับนัก HR ซึ่งเป็นคนทำงานที่มีเวลาจำกัดในแต่ละวันสามารถนำภาษาอังกฤษเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันสำหรับตนเองได้ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในบทบาทหน้าที่ของตนเองมากขึ้น และเป็นตัวอย่างให้นัก HR […]
8 Habits to fluent in english
“8 ลักษณะนิสัยของคนที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างน่าประทับใจของคนไทยมีอะไรกันบ้าง” เชิญชวนผู้อ่านทุกท่านติดตามในบทความนี้ได้เลยคะ โดยในลักษณะนิสัยของคนไทยที่จะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว มีดังนี้ การหาโอกาสในการใช้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภาษาเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่จะต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ และการฝึกพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติในทุก ๆ วัน ให้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 10%, 20%
4 Learning styles
“การเป็นนัก HR ที่ดี ควรที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?” ในบทความนี้ เป็นบทความที่จะกล่าวถึงการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างไรให้มีประสิทธิภาพหรือที่เราเรียกว่า VARK ซึ่งจะมี 4 รูปแบบในการเรียนรู้ ตามลักษณะนิสัยพื้นฐานการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล โดยแบ่งออกได้ ดังนี้ จาก 4 รูปแบบในการเรียนรู้เราจะพบว่าเมื่อเราทราบถึงสไตล์การเรียนรู้ของตนเอง แล้วก็จะทำให้เราได้พบถึงการฝึกภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นนั้นเองว่าเราจะต้องใช้รูปแบบการฝึกแบบใด เพื่อที่จะให้เราจำได้และก็เข้าใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเรียนรู้เหล่านี้ก็จะติดตัวเราไปตลอด และที่สำคัญสไตล์การเรียนรู้ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ทั้ง 4 รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยกันได้เสมอ
Enhancing English self-learning
“วิธีการจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือทักษะภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง” จากบันได 5 ขั้นที่กล่าวมาข้างต้นขอสรุปทริคง่าย ๆ สำหรับผู้ที่อยากจะเรียนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จด้วยรูปแบบที่ว่า ค้นหาวิธีที่ถูกต้อง รู้ว่าตนเองเป็นใคร ตนเองควรเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีใดบ้างถึงจะถูกจริตกับตนเอง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้เรียนแต่ละคนจะต้องหาจังหวะของตนเอง มีลู่วิ่งเป็นของตนเองและฝึกภาษาอังกฤษให้กับตนเองในทุก ๆ วันอย่างน้อยวันละ 5 นาที ส่งผลทำให้เรารู้สึกว่าการเรียนภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากและลำบาก และทำให้เราสามารถทบทวนย่อยข้อมูลความรู้ได้ง่ายขึ้น และสิ่งที่สำคัญ คือ การบันทึกความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตนเองไม่ว่าจะด้วยวิธีการฟัง หรือการทำแบบฝึกหัด รวมถึงการทวนซ้ำในสิ่งที่ตนเองบันทึกไว้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้เรียนไปถึงเส้นชัยในการเรียนภาษาอังกฤษได้ คือ ในระหว่างทางต้องมีตัวชี้วัดความก้าวหน้าของตนเอง ซึ่งตัวชี้วัดนี้นัก HR อาจารย์ หรือผู้ที่ออกแบบหลักสูตร รวมถึงผู้เรียนสามารถที่จะมีส่วนร่วมในการจัดหาตัวชี้วัดที่เหมาะสมร่วมกันได้ ทำให้ผู้เรียนนั้นเรียนอย่างมีเป้าหมายและก็ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เมื่อไหร่ที่ต้องใช้งานจริง ให้เน้นความลื่นไหล ความเป็นธรรมชาติที่สื่อสารโต้ตอบได้โดยไม่ต้องมี Dead air และสิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้ว่าการพูดการสื่อสารนี้สามารถแก้ไขและสามารถทำความเข้าใจใหม่ได้เสมอไม่ว่าเราจะทำผิด ทำพลาดอะไร เราสามารถแก้ไขได้เสมอนั้นเอง
The Alive! Approach
จากวิธีการ 5 ขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดควรจะสื่อสารให้กับพนักงานทุกคนที่เข้ารับการอบรมว่าการพูดภาษาอังกฤษได้นั้น เป็นทักษะ (Skills) หนึ่งของการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ถ้ามีการฝึกเป็นขั้นเป็นตอน ทำซ้ำจนชำนาญก็จะสามารถพูดได้แบบไม่ต้องคิดแต่เป็นไปโดยอัตโนมัติ นอกเหนือจากวิธีการที่ครูตั๊กกล่าวมาข้างต้นแล้ว ในบทความถัดไปครูตั๊กอยากที่จะนำเสนอถึงวิธีการที่จะทำให้ผู้เรียนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษและใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีความสุข และมีประสบการณ์ที่ดีสามารถนำไปใช้ได้จริงนั้นเป็นอย่างไรนั้น ขอเชิญชวนทุกท่านติดตามอ่านในบทความถัดไปได้เลยค่ะ